กฎ3ข้อ ในการวางแผนทำเกษตรอย่างยั่งยืน
หลายคนที่สนใจมาทำเกษตรมักบอกกับผมว่า “เราเป็นพนักงานประจำอยู่ เป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เลย จะเริ่มต้นอย่างไรดี”
ผมก็ต้องบอกแบบนี้เลยนะครับว่า “ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เราจะต้องมีการวางแผนก่อน ถ้าแผนของเราดี โอกาสในการประสบความสำเร็จมันก็มีไปถึงครึ่งหนึ่งแล้วแหละครับ”
.
ซึ่งในบทความส่วนนี้ จะเป็นการขยายความจากคลิปวิดีโอที่ผมตกผลึกการวางแผนในการทำเกษตรอย่างยั่งยืนเอาไว้ จะมี3ข้อ ดังนี้ครับ
- ปลูกหลายๆอย่าง
- ออกห่างความโลภ
- เติบโตด้วยการทำการตลาด
เรามาดูที่ข้อแรกกันเลยครับ ปลูกหลายๆอย่าง
แน่นอนว่าก่อนที่เราจะลงมือปลูก เราก็จะต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพืชที่เราสนใจด้วยนะครับ การปลูกพืชหลายๆอย่าง เป็นการนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทําเกษตรผสมผสานเข้ามาปรับใช้ ถ้าหากเราปลูกพืชเพียงแค่อย่างเดียว แปลว่าในอนาคต เราจะมีของขายเพียงแค่ชนิดเดียว
.
“การทำเกษตรเชิงเดี่ยว ถ้าราคามันดี ชีวิตก็ประเสริฐศรี แต่ถ้าราคามันแย่ เราก็แก้อะไรไม่ได้นะครับ”
เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีการปลูกพืชหลายหลายอย่าง เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการเลี้ยงสัตว์แล้วก็การทำเกษตรในรูปแบบอื่นๆด้วย โดยเราอาจจะทำสวนเป็นแบบเบญจเกษตร มีการแบ่งระดับชั้นของพืชแต่ละชนิดให้สามารถปลูกในแปลงเดียวกันได้
.
ตรงนี้หลายท่านก็อาจจะสงสัยอีกนะครับว่า “ถ้าเราปลูกพืชหลายๆอย่างในแปลงเดียวกัน มันจะไม่แย่งอาหารกันหรอ” ก็ตอบเลยว่า “ไม่เลยครับ”
.
ต้นไม้แต่ละชนิด มันกินอาหารคนละอย่างกัน อาหารที่ต้นไม้กินมีทั้งหมด16อย่าง แต่ละอย่างมันก็กินไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นจะไม่เป็นการแย่งอาหารกันแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเลยนะครับ การปลูกพืชหลายๆอย่างจะเป็นการสร้างสมดุลนิเวศ
.
ทำให้การระบาดของพวกโรคแมลงศัตรูพืชลดน้อยลง เพราะจะมีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดเข้ามาอยู่ในสวนเรา ทำให้เกิดการควบคุมปริมาณกันอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งเราก็ยังมีสินค้าขายหลายอย่างด้วย ถ้าหากอย่างใดอย่างหนึ่งราคาถูก เราก็ยังมีสินค้าตัวอื่นที่จะยังคงขายได้ราคาดีอยู่
ข้อที่2 ออกห่างความโลก
อย่างที่ผมเคยบอกเอาไว้ในรายการทีวีตอนหนึ่งว่า “ให้เราเริ่มต้นจาก 1 2 3 ไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่เรามีก่อน ตามความรู้ที่เรามี” ก็หมายถึงให้เราเริ่มทำจากความสามารถที่เรามีก่อน แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่มันก็สำคัญ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายเกษตรของเรา
.
“จงใส่ใจและให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษกับการเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตของเราพลิกผันไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้”
สมมุติว่าเรามีพื้นที่อยู่20ไร่ แล้วเราก็ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เลย ผมอยากจะให้เราลองเริ่มทำสัก2ไร่ดูก่อนนะครับ เพราะถ้าเราเริ่มทำทั้งหมดเลย แล้วมันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา แปลว่าเราจะต้องสูญเสียทั้งกำลังใจและเงินทุนไปโดยเปล่าประโยชน์
.
ในพื้นที่2ไร่นี้ ผมก็อยากให้เราลองทำหลายๆอย่างที่เราได้วางแผนเอาไว้ ตรงนี้มันก็จะเป็นห้องเรียนที่สอนประสบการณ์ให้กับเรา เพราะว่า
.
“ความรู้ที่เราศึกษามา มันไม่ได้ใช้ได้กับทุกพื้นที่นะครับ บางอย่างเราจะต้องนำมาปรับใช้ให้มันเข้ากับพื้นที่ของเราเอง”
.
พอเรารู้สึกว่าเรามีความรู้มากขึ้นแล้ว เราก็ค่อยๆขยายต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะเป็นการก้าวอย่างมั่นคงนั่นเอง
.
ข้อที่3 เติบโตด้วยการทำการตลาด
ข้อนี้สำคัญมากๆเลยครับ เพราะว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งนี้อยู่ในตัว เรามักจะเรียนรู้แต่วิธีการผลิต วิธีการทำ แต่ว่าเราไม่ค่อยได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำการตลาดเลย เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ทำขายให้กับพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด เราอาจจะไม่ได้คิดว่าจริงๆแล้ว เราก็สามารถที่จะผลิตแล้วก็ขายให้กับผู้บริโภคโดยตรงได้เองนะครับ
อย่างเช่นสวน COCONUT Thailand ของผม ก็เติบโตมาด้วยการทำการตลาดมากกว่า5ปี โดยที่ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางใดๆเลย
.
คือผมมองว่า เรามีมะพร้าวพันธุ์ดีอยู่แล้ว และก็ยังมีประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดจนถึงผมเป็นรุ่นที่4แล้ว แต่เราจะทำอย่างไร ที่จะขายให้กับชาวสวน(ผู้บริโภค)โดยตรงที่ไม่ต้องส่งไปให้กับร้านขายพันธุ์ไม้ทั่วไปได้
.
ผมจึงสร้างทั้ง Facebook Page, Instagram, LINE@, Google Plus, Website, Web Blog และ YouTube Channel เพื่อเป็นสื่อกลางให้ชาวสวนเข้าถึงได้
ตอนนี้ผมอายุ21นะครับ ผมคิดว่าถ้าคุณอายุใกล้เคียงกับผม คุณจะต้องทำเก่งสักอย่างหนึ่งแหละครับ หรือว่าถ้าคุณมีอายุค่อนข้างมากแล้วหรือไม่ค่อยทันเทคโนโลยีเท่าไหร่ คุณอาจจะให้ลูกหลานทำก็ได้นะครับ เพราะว่าเด็กสมัยนี้เรียนรู้เทคโนโลยีได้เร็วมาก บอกให้เขาช่วยเราทำหน่อย และเราก็ต้องมีรางวัลเล็กๆน้อยๆตอบแทนให้เขาด้วยนะครับ เขาจะได้มีกำลังใจที่จะช่วยเราทำอย่างเต็มที่
.
ในอนาคตผมก็อาจจะเปิดสอนทำตลาดที่เจาะด้านสินค้าเกษตรไปเลย เพราะผมก็เห็นว่ามันไม่มีใครสอนจริงๆ ในช่วงที่ผมเริ่มทำแรกๆ ผมก็ต้องศึกษาเอง จากการทำตลาดสำหรับธุรกิจอื่นๆ เช่น สินค้าสุขภาพความงาม, ร้านอาหาร, ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับการทำเษตรเลย แต่ผมก็ดึงแก่นของการทำตลาดออกมาและนำมาปรับใช้จนเข้ากับการทำเกษตรได้
.
“การสร้างตลาดให้กับสินค้าเกษตร ผมคิดว่ามันจะสร้างความมั่งคั่งและก็ยกระดับฐานะของเกษตรกรได้มากเลยแหละครับ”
.
.
สรุปเลยนะครับ กฎ3ข้อ ในการวางแผนทำเกษตรอย่างยั่งยืน
.
ข้อแรก ปลูกหลายๆอย่าง
ตรงนี้ก็จะเป็นการ “กระจายความเสี่ยง เลี่ยงการขาดรายได้”
.
ข้อที่2 ออกห่างความโลภ
ตรงนี้ก็จะเป็นการ “สั่งสมประสบการณ์ ผ่านการฝึกฝน”
.
และสุดท้ายข้อที่3 เติบโตด้วยการทำการตลาด
ตรงนี้ก็จะเป็นการ “ก้าวอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน”
.
เขียนบทความโดย : ครูพี่นุ
หากคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อนๆที่ด้านล่าง เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ต่อไปนะครับ
ขอบคุณมากๆค่ะ
3ข้อนี้ถ้าทำได้ ดีขึ้นแน่นอนค่ะ
ครับผม
ขอบคุณมากๆค่ะ ชื่นชมค่ะอายุถือว่ายังไม่เยอะแต่มีวิธีคิดแบบนี้ได้ สุดยอมากเลยค่ะ
พี่อายุ 26 แล้วยังไม่มีความรู้ทางด้านเกษตรกรเลย
เป็นลูกชาวสวนแท้ๆ แต่ทำสวนไม่เป็นเลย ตอนนี้ไม่มีใครคอยสอนแล้วพ่อ แม่ พี่น้องเสียกันไปหมดแล้ว
พึ่งมาอยากเรียนรู้อยากทำสวน ตอนนี้สวนโทรมมากค่ะมีพื้นที่ว่างแต่ไม่รุ้จะลงทุนปลูกอะไรดี ก็เลยอยากจะเริ่มจากการปลูกผัก ให้เป็นก่อนค่ะ สวนที่บ้านมีผลไม้ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ผสมกันอย่างละนิดๆหน่อยๆค่ะ
กำลังเรียนรู้วิธีบำรุง เคยพ่นยาบำรุง รดน้ำ แต่ผลผลิตก้ไม่สวยงามแถมออกล้าหลังมาออกตอนถู๊กถูก
ท้อ ไปทื้งสวนไปหลายปี มาถามใจดูจริงๆเราว่าเกิดเป็นลูกชาวสวนแท้ๆมันน่าเศร้าทำไมเราต้องมาซื้อผักเค้ากิน มาซื้อผลไม้ที่เราชอบกิน มาฉุกคิดก้ตอนนี้แหละค่ะ อยากจะเป็นชาวสวนเต็มตัวตอนนี้โลกมันก็กว้างขึ้น
ก็ทำให้มีกำลังใจค้นคว้าอยากมีชีวิตแบบชาวสวนเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเหนื่อยไปสู้แกร่งแย่งงานกับใครเค้า
ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้นะค่ะ จะติดตามในเฟสเพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมนะค่ะนำไปเป็นความรู้การตัดสินใจค่ะ
ขอบคุณครับ ถ้ามีคำถามก็มามารถปรึกษาในเพจครูพี่นุได้เลยครับ 😁😁